อีสท์
วอเตอร์ เผยผลประกอบการ ปิดไตรมาส 2 ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 609.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.97% รายได้รวมโตขึ้น 12.79% เทียบปีก่อน รายได้รวม 2,360.75
ล้านบาท เดินหน้ารุกธุรกิจให้บริการน้ำครบวงจร ทั้งน้ำประปา การบำบัดน้ำเสีย
และการรีไซเคิลน้ำเต็มรูปแบบ สู่ผู้นำการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรของประเทศ พร้อมเตรียมมาตรการป้องกัน
แก้ไขปัญหาภัยแล้งและป้องกันการขาดแคลนน้ำในอนาคต
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด
(มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยผลการดำเนินงานสำหรับ 6 เดือนแรก ปี 2562
บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้น 2,360.75 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 267.68 ล้านบาท หรือ 12.79% เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนแรก ปี 2561
เนื่องจากปริมาณนํ้าดิบจำหน่ายเพิ่มขึ้น มีกำไรสุทธิ จำนวน 609.48 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 28.85 ล้านบาท หรือ 4.97%
สำหรับปริมาณยอดส่งจ่ายน้ำดิบในเดือนมกราคม
– มิถุนายน 2562 มีปริมาณอยู่ที่ 157.23 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น
33.66
ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงเวลาเดียวกันในปี
2561 อยู่ที่ 123.57 ล้านลูกบาศก์เมตร
โดยสามารถแยกเป็นกลุ่มลูกค้าเป็นนิคมอุตสาหกรรม 47% กลุ่มอุปโภคบริโภค
26% กลุ่มสวนอุตสาหกรรม 12% กลุ่มกิจการประปาของกลุ่มบริษัท
10% กลุ่มโรงงานทั่วไป 5% มีรายได้จากการขายนํ้าดิบสำหรับ
6 เดือนแรกของปี 2562 จำนวน 1,429.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
244.80 ล้านบาท หรือ 20.66% เมื่อเปรียบเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2561
สาเหตุหลักจากรายได้นํ้าดิบที่เพิ่มขึ้นจากการใช้นํ้าของกลุ่มลูกค้าอุปโภคบริโภค
ในปี 2562 อีสท์
วอเตอร์ ยังเน้นดำเนินธุรกิจสู่การเป็นผู้นำของการให้บริการน้ำแบบครบวงจรของประเทศ
ทั้งเรื่องการบริการจัดหาแหล่งน้ำดิบ บริการด้านการลงทุนวางท่อน้ำดิบ
และบริหารจัดการน้ำดิบให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้น้ำ
การให้บริการติดตั้งระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรม
ควบคุมคุณภาพน้ำที่ส่งจ่ายให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้น้ำแต่ละอุตสาหกรรม
ให้บริการด้านบริหารกิจการประปาทั้งในระบบประปาผิวดินและระบบผลิตน้ำประปาจากน้ำทะเล
โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในระบบผลิต งานบำรุงรักษาและระบบส่งจ่ายน้ำประปา
ตลอดจนการให้บริการด้านวิศวกรรมอย่างครบวงจร
การให้บริการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียที่เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ
ควบคุมคุณภาพน้ำเสียขาออก
และการให้บริการติดตั้งระบบน้ำรีไซเคิลโดยนำน้ำเสียที่บำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ในระบบอุตสาหกรรม
ที่ผ่านมา อีสท์
วอเตอร์ได้มีการให้บริการน้ำอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี
มีโครงการก่อสร้างระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมให้แก่นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ จ.ระยอง โดยมีเป้าหมายก่อสร้างระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมเสร็จในปี 2563 ปริมาณขั้นต่ำประมาณ 5.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
โครงการก่อสร้างระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมให้แก่โรงไฟฟ้ากัลฟ์ อ.ปลวกแดง
จ.ระยอง
โดยมีเป้าหมายก่อสร้างระบบผลิตน้ำอุตสาหกรรมเสร็จในปี 2564 ปริมาณเฉลี่ยสูงสุด
22 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
โครงการงานระบบประปาและบำบัดน้ำเสียพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
ให้บริการน้ำครบวงจรทั้งน้ำประปา 20,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
การบำบัดน้ำเสีย 16,000 ลูกบาศก์เมตร
และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ 4,000 ลูกบาศก์เมตร โครงการให้บริการน้ำครบวงจร นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง
ก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปา 19,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวันและก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย
ที่กำลังการบำบัด 6,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
โครงการให้บริการบำบัดน้ำเสีย แก่ราชบุรีกล๊าส อินดัสทรี
ให้บริการน้ำระบบบำบัดน้ำเสีย 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
โครงการให้บริการบำบัดน้ำเสียแก่ อยุธยากล๊าส อินดัสทรี 3,000
ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
นอกจากนี้ยังมีการหาโอกาสในธุรกิจอย่างต่อเนื่องในการให้บริการแก่พื้นที่นอกเขตอีอีซีด้วย
จากการคาดการณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
คาดการณ์ช่วงครึ่งหลังของฤดูฝนปี 2562 จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม-กันยายน คาดว่าพายุหมุนเขตร้อนจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยจำนวน 1-2 ลูก โดยมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แต่ปริมาณฝนรวมตลอดฤดูฝน ต่ำกว่าค่าปกติ 5-10% ในฐานะที่อีสท์
วอเตอร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก
มีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก มีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
โดยการสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปยังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่
การสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำและรักษาความสมดุลของอ่างเก็บน้ำผ่านโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบความยาว
491.8 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีการใช้น้ำจากแหล่งน้ำเอกชนเข้ามาเสริมในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและฉะเชิงเทรา
มีการสำรองน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเข้าอ่างเก็บน้ำบางพระในช่วงเดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน มีการประสานงานร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
เน้นการปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนหลักต่างๆ
ในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยจะดำเนินการในช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม
หรือในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ในส่วนของความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
และความแข็งแกร่งของธุรกิจที่เป็นผู้บริหารจัดการน้ำที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ในเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกที่สมบูรณ์เพียงรายเดียว
ทำให้บริษัทจัดอันดับเครดิตองค์กรชื่อดังชั้นนำอย่าง “ทริสเรทติ้ง” จัดอันดับให้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก
จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ (EASTW) ให้คงอันดับเครดิตอยู่ที่
A+ แนวโน้มคงที่
สะท้อนให้เห็นถึงอัตรากำไรที่ดีและมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอของอีสท์ วอเตอร์ตลอดมา ทริสเรตติ้งคาดการณ์ว่ารายได้ของอีสท์ วอเตอร์
จะเติบโตอยูที่ 5% ต่อปีในช่วงปี 2562-2564 โดยพิจารณาจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งบริษัทมีแผนการลงทุนเพิ่มเติมในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งการสร้างท่อส่งน้ำใหม่
พัฒนาสถานีสูบน้ำและเสริมประสิทธิภาพเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาการบริหารจัดการน้ำ
เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรของประเทศต่อไป
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ปาจรีย์ ไตรพันธุ์ (ดาว) M: 081 860 3260 Email : Parjaree_Tra@eastwater.com
ชานนท์ สุขบุญ (ปุ้ย) M:
089 201 0891 Email : Chanon_suk@eastwater.com
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น