“ทีมชุมชนบ้านบน จ.ระยอง”
คว้าแชมป์ฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด ครั้งที่ 39 ถ้วยรางวัลชนะเลิศพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พร้อมรับเงินรางวัล
50,000 บาท หลังจากมีการแข่งขันนานร่วม 8 เดือนเพื่อเฟ้นหาทีมชนะเลิศ ถือเป็นการสร้างความสามัคคีภายในชุมชนผ่านกิจกรรมกีฬาฟุตบอลพร้อมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้เข้าแข่งขัน
รวมถึงสร้างความสุขผ่านกองเชียร์ชุมชนที่มาร่วมลุ้นกันอย่างสนุกสนานทุกแมตช์การแข่งขัน
อันเกิดจากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายอย่าง กลุ่ม ปตท. จังหวัดระยองร่วมกับ
เทศบาลเมืองมาบตาพุด และชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด
ครั้งที่ 39 ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ณ สนามฟุตบอล
สวนสุขภาพ กลุ่ม ปตท. เพื่อชุมชน (หน้าวัดมาบตาพุด) ได้เริ่มจัดการแข่งขันมาตั้งแต่วันที่
13 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา และจัดการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศขึ้นในวันที่
22 ตุลาคม 2563 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการร่วมสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
สุขภาพจิตที่ดีให้กับชุมชน ห่างไกลยาเสพติด ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ซึ่งในปีนี้มีการจัดการแข่งขันยาวนานกว่าทุกปีด้วยเหตุของการระบาดของโรคโควิด-19
ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการแข่งขันไประยะหนึ่ง
เพื่อป้องกันการระบาดของโรคและความปลอดภัยต่อสุขภาพของนักฟุตบอลทุกคน
ทั้งนี้หลังจากกลับมาแข่งขัน
ทางคณะผู้จัดงานได้กำหนดมาตรการการแข่งขันอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานของสาธารณสุขจังหวัดด้วยการวัดไข้ก่อนการแข่งขันทุกครั้ง
นายสมนึก
แพงวาปี คณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม กลุ่ม ปตท.
จังหวัดระยอง กล่าวว่า การจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุดเกิดขึ้นจากความร่วมมือของภาคีหลายฝ่ายได้แก่
กลุ่ม ปตท. จ.ระยอง อันประกอบด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล
เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอล
เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) เทศบาลเมืองมาบตาพุด และชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด
ในปีนี้ การจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายอย่าง
อาทิ รายการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศเป็นปีที่
3 ติดต่อกัน และจัดขึ้นต่อเนื่องยาวนานเป็นครั้งที่ 39 มีชุมชนส่งทีมเข้าแข่งมากที่สุดตั้งแต่จัดการแข่งขันมาคือ 34 ทีม รวมถึงมีกองเชียร์ชุมชนเข้าร่วมชมและเชียร์ทีมตนเองเป็นจำนวนมากในแต่ละแมตช์การแข่งขัน
สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีมชุมตลาดมาบตาพุด
คว้าเงินรางวัล 30,000 บาท ส่วนทีมที่ได้รองชนะเลิศอันดับ
2 ร่วมกัน 2 ทีม ได้แก่ ทีมชุมชนมาบข่า-สำนักอ้ายงอน
และทีมชุมชนบ้านล่าง สำหรับดาวซัลโวคือนายวีรภัทร คชสาร จากทีมชุมชนบ้านบน
ซึ่งสามารถทำประตูไปได้มากที่สุดถึง 6 ประตูตลอดการแข่งขัน
และทีมมรรยาทยอดเยี่ยม ได้แก่ทีมชุมชนวัดโสภณ
นายถวิล
โพธิบัวทอง นายกเทศมนตรีเมืองมาบตาพุด กล่าวว่า
การที่ภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุด
นอกจากจะส่งเสริมให้ชุมชนรักการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี ก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะแล้ว
ยังส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดนำพาลูกหลานชุมชนให้ห่างไกลจากยาเสพติดด้วยการเล่นกีฬา
ซึ่งในปีนี้มีชุมชนเข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมากย่อมแสดงให้เห็นว่าชุมชนมีความสนใจในการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
ต้องการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และเป็นการเลือกใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ผ่านกิจกรรมกีฬาที่ชุมชนมีความถนัด
และช่วงนี้ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19
ทำให้ประชาชนยิ่งต้องรักษาสุขภาพมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ในปี 2563 นอกจากการจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีมาบตาพุดครั้งที่
39 แล้ว กลุ่ม ปตท. ยังได้ร่วมการสนับสนุนโครงการวิ่ง “ก้าว เพื่อ 9 โรงพยาบาล
จ.ระยอง”
เพื่อจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์และระบบการบริการเพื่อใช้ในการพัฒนาโรงพยาบาลทั้ง
9 แห่งในจ.ระยองให้สามารถจัดการบริการและดูแลประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19
อันมีความจำเร่งด่วนในการเตรียมพร้อมในการรักษาผู้ป่วย การสนับสนุนจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่ศูนย์บริการสาธารณสุข
เทศบาลเมืองมาบตาพุด การสนับสนุนการก่อสร้างและการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
แก่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพทางเลือก เทศบาลเมืองบ้านฉาง การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงแก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกระเฉท
เทศบาลตำบลมาบข่าพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของกลุ่ม
ปตท. จ.ระยอง ที่มุ่งเน้นเรื่องสุขภาพชุมชนในทุกช่วงวัยเป็นสำคัญ เสริมสร้างความพร้อมในด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มากขึ้นพร้อมรองรับประชาชนในพื้นที่ที่มาใช้บริการ
ไม่ต้องเดินทางไกลไปรักษาที่อื่น
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น