อีสท์ วอเตอร์ สุดปลื้มผลประกอบการไตรมาสแรก 2564
มีกำไรสุทธิ 370.68 ล้านบาท
อีสท์ วอเตอร์ ปลื้มผลประกอบการ
ไตรมาสแรก 2564 ทำกำไรสุทธิ 370.68 ล้านบาท จากการจำหน่ายน้ำดิบเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนต่างๆ ได้ดี และการบริหารจัดการที่ดีในภาวะสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด
-19
พร้อมเดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านแหล่งน้ำและสร้างโอกาสในธุรกิจน้ำครบวงจรอย่างต่อเนื่อง
นายจิรายุทธ
รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก
จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2564
รายได้จากการขายและบริการรวมทั้งสิ้น 1,230.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.90 ล้านบาท
หรือ เพิ่มขึ้น 6.39%
โดยหลักจากปริมาณน้ำดิบจำหน่ายกลุ่มอุปโภค-บริโภคเพิ่มขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 และมีกำไรสุทธิ 370.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
56.19 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 17.87%
สำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 อีสท์
วอเตอร์มีรายได้จากการขายน้ำดิบ จำนวน 794.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.84 ล้านบาท
หรือ เพิ่มขึ้น 11.80% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 โดยรายได้น้ำดิบเพิ่มขึ้น
จากการใช้น้ำดิบเพิ่มสูงขึ้นจากลูกค้าประเภทต่างๆ
โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มอุปโภค-บริโภคเพิ่มขึ้นจากปีก่อนรวม 6.70 ล้านลูกบาศก์เมตร
หรือ เพิ่มขึ้น 10.33% โดยสามารถแยกกลุ่มลูกค้าเป็นนิคมอุตสาหกรรม 59% กลุ่มอุปโภคบริโภค 28% กลุ่มสวนอุตสาหกรรม 2%
กลุ่มกิจการประปาของกลุ่มบริษัท 9% กลุ่มโรงงานทั่วไป 2%
ส่วนรายได้จากการขายน้ำประปา มีจำนวน 361.77 ล้านบาท ลดลง 11.72 ล้านบาท หรือ ลดลง
3.14% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563
ในขณะที่ปริมาณน้ำประปาจำหน่ายเพิ่มขึ้น 0.46 ล้าน ลบ.ม. หรือ เพิ่มขึ้น 1.90%
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563
สาเหตุหลักจากราคาจำหน่ายน้ำประปาเฉลี่ยลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายน้ำอุตสาหกรรม จำนวน 4.46 ล้านบาท โดยมีปริมาณน้ำอุตสาหกรรมจำหน่าย
รวม 0.28 ล้านลูกบาศก์เมตร
หากมองทิศทางและแนวโน้มอุตสาหกรรม ธุรกิจน้ำดิบของอีสท์
วอเตอร์ มีโอกาสเติบโตจากปัจจัยหลักการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม
ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายผลักดันให้พื้นที่จังหวัด ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
เป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการจัดตั้งพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC)
ซึ่งเมื่อพิจารณาศักยภาพของธุรกิจน้ำดิบถือว่ามีความพร้อมสูง
ทั้งด้านการลงทุน ด้านเสถียรภาพแหล่งน้ำ และระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบ
ในด้านสถานการณ์น้ำพบว่าแหล่งน้ำของอีสท์
วอเตอร์ในพื้นที่ชลบุรีและระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติ
โดยปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักส่วนใหญ่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะ 8 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังปี 2563
เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นอย่างมากจากพายุที่พัดผ่านในพื้นที่ประเทศไทยจึงทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้จากการคาดหมายลักษณะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
คาดการณ์ว่าปริมาณฝนรวมในภาคตะวันออกเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน
จะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติประมาณ 5%-10% ส่วนเดือนกรกฎาคมจะมีปริมาณฝนต่ำกว่าค่าปกติร้อยละ
5 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักของบริษัทในพื้นที่ชลบุรีและระยองเฉลี่ยอยู่ที่
47% และ 61% ของความจุอ่างเก็บน้ำตามลำดับ
ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวนและผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงระบาดต่อเนื่องทั่วโลก ยังคงมีปัจจัยบวกจากการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) ซึ่งอีสท์
วอเตอร์เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนด้านการให้บริการน้ำครบวงจร
ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำให้แก่ EEC จึงมั่นใจได้ว่าอีสท์ วอเตอร์จะยังคงเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน
ตามวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำครบวงจรของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านน้ำรองรับการเติบโตทั้งในปัจจุบันและอนาคต
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ฉัตรแก้ว
ภุมรินทร์ (ทอฟฟี่) M: 081 867
5096 Email : Chatkaew_cha@eastwater.com
ปาจรีย์ ไตรพันธุ์ (ดาว) M:
081 860 3260 Email : Parjaree_Tra@eastwater.com
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น