GC ThinkCycle Bank: ธนาคารทิ้ง-ไซเคิล
ก้าวแรกในโรงเรียนที่เปลี่ยนการทิ้งขยะไปสู่การออมด้วยมือเล็กๆ ของเด็กนักเรียน
คุณอาจจะจินตนาการไม่ออกว่าในวันหนึ่งๆ
มีขยะเกิดขึ้นในโรงเรียนมากมายขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นกล่องนม เศษกระดาษ
ขวดน้ำพลาสติก ขวดแก้ว ไปจนถึงขยะเศษอาหารจากข้าวกลางวันของนักเรียน
แต่จะดีไหมถ้าขยะที่กองพะเนินกันอยู่ในโรงเรียน
ถูกเปลี่ยนเป็นการออมโดยที่นักเรียนจะได้เงินจากการฝากขยะ
เพื่อให้โรงเรียนรวบรวมไปขายแก่โรงงานรีไซเคิลอีกต่อหนึ่ง
ไม่ต้องมองหาโครงการที่ไหนไกล เพราะตอนนี้ บริษัท
พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC
ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลเปิดตัวโครงการ ThinkCycle Bank หรือ
ธนาคารทิ้ง-ไซเคิล มาราวสองปีกว่า โดยโครงการนี้เน้นไปที่การส่งเสริมก้าวเล็กๆ
ของเด็กนักเรียนให้ได้เรียนรู้เรื่องการทิ้งขยะแบบหมุนเวียนเพื่อเปลี่ยนโลก
ผ่านการคัดแยกขยะให้ถูกประเภทและนำไปฝากผ่านบัญชีธนาคารขยะจากโรงเรียนเพื่อเปลี่ยนขยะรีไซเคิลให้เป็นเงินออม
โครงการ ThinkCycle Bank
จึงเป็นเหมือนการวางอิฐก้อนแรกที่ร่วมสร้างรากฐานให้กับเยาวชนผ่านระบบการศึกษา
โดยให้ความรู้เรื่องการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีเพื่อนำไปรีไซเคิล พร้อมๆ
กับการปลูกจิตสำนึกให้ตระหนักและมีใจรักษ์สิ่งแวดล้อมตั้งแต่เยาว์วัย
GC มองเห็นว่ามือเล็กๆ
ของเด็กวัยเรียนนี่แหละที่จะร่วมกันประสานแรงใจเพื่อไปมีส่วนร่วมกับผู้ใหญ่ในการแยกขยะในครัวเรือน
และช่วยเก็บขยะที่หล่นเกลื่อนตามพื้นโรงเรียน เพื่อส่งให้คุณครูบันทึกขยะเป็นเงินออมในบัญชีธนาคารขยะรีไซเคิลที่เปิดให้นักเรียนในโครงการนี้โดยเฉพาะ
ThinkCycle Bank เป็นโครงการที่สานต่อโมเดลการดำเนินโครงการ
‘ธนาคารขยะรีไซเคิล’ จากมหาวิทยาลัยมหิดล
ที่ได้ดำเนินงานกับโรงเรียนรอบรั้ววิทยาเขตศาลายา โดยได้มีการออกแบบกระบวนการรับฝากขยะรีไซเคิลผ่านธนาคารขยะอย่างมีแบบแผน
พร้อมดำเนินการควบคู่กับระบบซอฟต์แวร์ Recycle Bank Service
ที่มหาวิทยาลัยมหิดลพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ
ซึ่งได้สร้างประโยชน์ต่อการจัดเก็บฐานข้อมูลที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน หลักการทำงานคร่าวๆ
คือโปรแกรมจะจัดเก็บข้อมูลรับฝากขยะเสมือนธนาคารทั่วไป สามารถคำนวณปริมาณขยะออกมาเป็นจำนวนเงินฝาก
ทั้งยังมีการคำนวณยอดรวมขยะที่เก็บได้ตลอดภาคการศึกษาของนักเรียนทุกคน
ซึ่งจะมีประโยชน์ในการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อยอดเพื่อวางแผนการบริหารจัดการขยะในระดับท้องถิ่นและจังหวัดในอนาคตได้
ปัจจุบัน GC ได้นำโมเดลนี้ไปปรับใช้ตามบริบทแต่ละโรงเรียนในพื้นทีจังหวัดระยอง
และจังหวัดชลบุรี รวมจำนวน 22 โรงเรียนแล้ว
เหตุที่โครงการนี้ตั้งใจเข้าไปปักหมุดในโรงเรียนก่อนจะขยายไปสู่ชุมชนในสเกลใหญ่
ก็เพราะอยากจะเป็นหลักไมล์แรกที่ชวนให้เด็กๆ ก้าวไปสู่สังคมแห่งเศรษฐกิจหมุนเวียน
(Circular Economy) ร่วมกัน
ผ่านกิจกรรมการแยกขยะที่เด็กนักเรียนสามารถทำได้และไม่ซับซ้อนนัก เมื่อเด็กๆ
มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการบริหารจัดการขยะ ตั้งแต่การจัดเก็บ การคัดแยก
และการรีไซเคิลแล้ว ก็เท่ากับเป็นการกรุยทางเพื่อสร้างฐานความรู้ให้เยาวชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมจัดการขยะในชุมชนของตนเองในอนาคต
และการที่เด็กๆ
ได้รับค่าขนมเป็นเงินออมจากขยะนั้น แท้จริงแล้วเป็นแค่ผลพลอยได้
แต่สิ่งสำคัญคือได้สร้างแรงกระตุ้นให้นักเรียนมองเห็นว่าขยะเป็นของมีค่า และสามารถหมุนเวียนไปผลิตเป็นของใหม่ๆ
เพื่อใช้ซ้ำผ่านกระบวนการรีไซเคิลได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โครงการ ThinkCycle Bank จึงเป็นเหมือนสะพานเชื่อมเด็กๆ
เข้ากับองค์ความรู้เรื่องการจัดการขยะที่ถูกวิธี
โดยมีโรงเรียนเป็นผู้ประสานเรื่องการทำระบบฝากขายและสนับสนุนให้ลงมือทำจริง
เมื่อโครงการนี้ขยายออกไปยังโรงเรียนในภูมิภาคต่างๆ
ก็จะยิ่งสร้างอิมแพ็กต์เรื่องการจัดการขยะตั้งแต่ต้นน้ำ ทั้งตัวนักเรียน คุณครู
และผู้ปกครอง ให้มองเห็นว่าขยะเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ถ้าผ่านการคัดแยกอย่างถูกวิธี
โดยที่นักเรียน โรงเรียน และชุมชนรอบข้าง
ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในเครือข่ายจัดการขยะอย่างเป็นระบบได้ตั้งแต่ต้นทาง
และนี่คือโรงเรียนเครือข่ายในจังหวัดระยอง
3
โรงเรียนที่ได้รับรางวัลผลการดำเนินงานเรื่องขยะในระดับดีเด่นจากมหาวิทยาลัยมหิดล
ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดเขาสำเภาทอง, โรงเรียนเทศบาลบ้านเพ 1
และโรงเรียนวัดมาบชลูด
ซึ่งแต่ก่อนขยะในโรงเรียนจะไปลงเอยที่บ่อขยะหรือไม่ก็สุมไฟเผา
แต่ตอนนี้ขยะได้เปลี่ยนเป็นเงินในบัญชีของเด็กนักเรียน
และแปลงร่างเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดเก๋ที่ทั้งสวยงามและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ตามไปดูผลงานการคัดแยกขยะที่เกิดจากฝีมือของเด็กๆ
กันดีกว่า ว่าแต่ละโรงเรียนจะมีวิธีการจัดการขยะสุดสร้างสรรค์ด้วยวิธีไหนกันบ้าง
ก้าวย่างเล็กๆ
ของเด็กปฐมวัย สู่หัวใจรักษาสิ่งแวดล้อม
สำหรับเด็กเล็กวัยอนุบาล
ทักษะชีวิตอย่างการว่ายน้ำหรือการปั่นจักรยาน ยิ่งเริ่มฝึกเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเด็กจะจดจำไปได้ตลอดและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน
เช่นเดียวการคัดแยกขยะ ที่ยิ่งปลูกฝังเร็วเท่าไหร่
ก็ยิ่งเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กใส่ใจสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เนิ่นๆ และเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่างอย่างจริงจังด้วย
และแม้กระทั่งเด็กวัยกระเตาะชั้นอนุบาล
ก็สามารถช่วยพ่อแม่และคุณครูคัดแยกขยะเบื้องต้นได้ถ้ามีการกระตุ้น พูดซ้ำ
และทำย้ำบ่อยๆ เด็กน้อยก็จะจำขึ้นใจจนติดเป็นนิสัยที่ดีต่อไปในอนาคต
ครูจุฬารัตน์ คำเสมอ รักษาการหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดเขาสำเภาทอง
คือคุณครูผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ ThinkCycle Bank
ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งนี้
ที่ปัจจุบันดำเนินการจัดการขยะอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
จนได้รับรางวัลระดับดีเด่นจากมหาวิทยาลัยมหิล
แม้ที่นี่จะมีนักเรียนแค่สามระดับชั้น
คืออนุบาล 1-3 แต่ทุกฝ่ายก็ร่วมมือร่วมแรงกันแยกขยะรีไซเคิลอย่างแข็งขัน
ทั้งตัวนักเรียน คุณครู และผู้ปกครอง
ครูจุฬารัตน์เกริ่นให้ฟังว่าโครงการบริหารจัดการขยะที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเป็นนโยบายที่เทศบาลสนับสนุนให้โรงเรียนทำอยู่แล้ว
โดยเริ่มรณรงค์ให้นำขยะจำพวกถุงพลาสติกในครัวเรือนมารวบรวมเพื่อส่งรีไซเคิล เมื่อ
GC นำโครงการ ThinkCycle Bank เข้ามาศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
สิ่งที่เพิ่มเติมจากนโยบายของเทศบาลคือ GC
ได้เข้ามาให้ความรู้และจัดกิจกรรมอบรมเรื่องการคัดแยกขยะแก่คุณครูและนักเรียน
รวมทั้งมีการจัดหาคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ช่วยคำนวณปริมาณขยะและจำนวนเงินเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินโครงการ
ทำให้โรงเรียนมีฐานข้อมูลขยะทั้งหมดที่นักเรียนนำมาฝากตั้งแต่ต้นเทอมจนจบปีการศึกษา
โครงการ ThinkCycle Bank จึงเข้ามาเชื่อมเสริมนโยบายที่มีอยู่แล้วของเทศบาล
ให้การคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลในศูนย์เด็กเล็กเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“สำหรับโครงการ ThinkCycle Bank
ที่ศูนย์เด็กเล็กวัดเขาสำเภาทอง
จะเริ่มจากการประชุมผู้ปกครองให้เข้าใจตรงกันถึงจุดประสงค์ของโครงการนี้
ที่ต้องการสนับสนุนให้เด็กๆ ช่วยกันลดขยะ
โดยการคัดแยกขยะรีไซเคิลมาขายเพื่อเป็นเงินออมในบัญชีธนาคารขยะ
ที่สำคัญที่สุดคือโรงเรียนต้องชักชวนให้ผู้ปกครองเข้าใจและอยากเข้าร่วมก่อน
จากนั้นจึงชี้แจงกับผู้ปกครองว่าเงินทั้งหมดจากขยะที่นักเรียนนำมาฝาก
จะเป็นของเด็กทั้งหมด โดยที่โรงเรียนไม่หักค่าดำเนินการใดๆ”
ครูจุฬารัตน์เล่าให้ฟังถึงบันไดขั้นแรกของโครงการ
ศูนย์เด็กเล็กที่นี่จะรับซื้อขยะจากนักเรียนสัปดาห์ละครั้ง
ภาพนักเรียนอนุบาลเดินหิ้วขยะถุงแล้วถุงเล่ามาโรงเรียนไม่ขาดสายจึงเป็นภาพที่น่าชื่นใจสำหรับคนเป็นครูผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ
โดยทุกวันศุกร์คุณครูจะนำขยะของเด็กๆ
มาชั่งเพื่อรายงานผลกับเทศบาล และจะรวมน้ำหนักขยะกับจำนวนเงินออมของแต่ละคน ลงในระบบจัดการขยะเดือนละครั้ง
เมื่อจบปีการศึกษา ผู้ปกครองสามารถขอดูสมุดคู่ฝากที่บันทึกขยะที่เก็บได้
พร้อมกับสามารถถอนเงินออมในบัญชีออกไปเพื่อเป็นค่าขนมแก่ลูกๆ ได้
ถัดจากการประชุมเพื่อทำความเข้าใจกับผู้ปกครองแล้ว
ขั้นต่อมาคือการสื่อสารกับเด็กๆ ให้เข้าใจว่าการแยกขยะคืออะไร ทำไมถึงสำคัญ
และต้องสาธิตการแยกขยะแต่ละประเภทให้นักเรียนดูและทำตามพร้อมๆ กันไป เช่น
ถ้าเก็บขวดน้ำพลาสติกได้ขวดหนึ่ง ก่อนอื่นเด็กๆ จะต้องเทน้ำออกให้หมด
เหยียบให้แบนเพื่อประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ แล้วแยกฝาขวด
กับฉลากรอบขวดไว้คนละถุง เพราะต้องอธิบายให้เด็กๆ
เข้าใจว่าขยะพลาสติกแต่ละชนิดดราคาไม่เท่ากัน และมีกระบวนการรีไซเคิลที่แตกต่างกัน
จึงต้องแยกประเภทก่อนนำมาฝาก ถ้านักเรียนคนไหนยังแยกขยะไม่เป็น
คุณครูก็จะให้นำขยะที่เก็บได้มาช่วยกันฝึกแยกที่โรงเรียน
“เดี๋ยวนี้เวลาเด็กเดินไปไหนก็จะเก็บขยะติดไม้ติดมือมาให้ตลอด
เพราะเขารู้ว่าขยะมีค่าและจะกลายมาเป็นเงินออมในบัญชีได้
ส่วนผู้ปกครองก็ให้ความร่วมมือดีมาก
ตั้งแต่ช่วยแยกขยะในบ้านให้ลูกหลานเอามาฝากที่โรงเรียน ตอนนี้ปริมาณขยะที่เด็กๆ
เอามาฝากจึงมีน้อยลงกว่าแต่ก่อน ซึ่งหมายความว่าเราคัดแยกขยะก่อนทิ้งกันมากขึ้น
จนมีขยะในชุมชนรอบๆ โรงเรียนน้อยลง” ครูจุฬารัตน์เล่าพร้อมเผยอยิ้มด้วยความภูมิใจ
นอกเหนือจาก ThinkCycle Bank
ที่ศูนย์เด็กเล็กร่วมมือกับ GC
ผลักดันเรื่องการคัดแยกขยะอย่างเข้มแข็งในโรงเรียนแล้ว
ที่นี่ยังมีโครงการที่ทำร่วมกับเทศบาลในพื้นที่ด้วย เช่น ขยะเปียกจากเศษอาหารกลางวันของนักเรียนที่แต่ก่อนต้องเททิ้งจนส่งกลิ่นเหม็น
ตอนนี้ถูกนำไปหมักทำปุ๋ยชีวภาพเพื่อรดต้นไม้บริเวณโรงเรียนให้งอกงาม
ส่วนเปลือกไข่ที่แม่ครัวเตรียมทิ้งหลังจากทำอาหารให้เด็กนักเรียน
ก็ได้นำไปตากแห้งและบดทำปุ๋ยใส่ต้นไม้เพื่อเพิ่มแร่ธาตุ
ส่วนถุงนมและกล่องนมโรงเรียนซึ่งเป็นขยะจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นทุกวัน
คุณครูก็จะให้นักเรียนช่วยกันตัดถุุง ตัดกล่องแล้วล้างก่อนจะนำไปขาย
ส่วนน้ำล้างที่เปื้อนนมก็ไม่เททิ้งเปล่าๆ
แต่จะให้นักเรียนตักไปรดต้นไม้จำพวกพืชสมุนไพรและผักสวนครัวบริเวณโรงเรียนต่ออีกทอดหนึ่ง
ครูจุฬารัตน์ขมวดให้ฟังว่าคณะครูอยากทำโครงการ ThinkCycle Bank ต่อไปเรื่อยๆ
เพราะนี่ถือเป็นก้าวแรกที่ทำให้เด็กปฐมวัยได้เรียนรู้เรื่องการแยกขยะตั้งแต่เริ่มต้น
ครูจุฬารัตน์ยังเห็นว่านอกจากเงินออมที่เด็กนักเรียนจะได้รับจากการนำขยะมาฝากแล้ว
โครงการนี้ยังช่วยดึงให้ผู้ใหญ่ช่วยกันใส่ใจปลูกฝังเด็กๆ เรื่องการแยกขยะรีไซเคิล
ซึ่งจะทำให้เด็กซึมซับและติดเป็นนิสัยที่ดีไปจนเด็กเติบโต
จากขยะสู่การสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้เด็กๆ
ฉุกคิดก่อนทิ้ง
มาที่โรงเรียนอนุบาลอีกแห่งหนึ่งในเมืองระยองที่ได้รับรางวัลโรงเรียนการจัดการขยะดีเด่นจากมหาวิทยาลัยมหิดล
คือโรงเรียนเทศบาลบ้านเพ 1
ซึ่งที่นี่โดดเด่นในด้านการนำขยะประเภทถุงนมมาทำเพิ่มมูลค่าเป็นสิ่งประดิษฐ์สร้างสรรค์หลากหลายชนิด
รวมถึงมีการดำเนินงาน ThinkCycle Bank ร่วมกับ GC อย่างเข้มแข็ง
ครูจิตรอารีย์ ประเสริฐศรี
คุณครูที่ปรึกษาโครงการ ThinkCycle Bank โรงเรียนเทศบาลบ้านเพ 1 เล่าย้อนกลับไปเมื่อคราวริเริ่มโครงการนี้เมื่อสองปีก่อนว่า
“ก่อนที่โรงเรียนเทศบาลบ้านเพ 1
จะเข้าร่วมโครงการ ThinkCycle Bank โรงเรียนเรามีการคัดแยกขยะอยู่แล้ว
แต่ยังไม่มีระบบระเบียบเท่าที่ควร พอ GC เข้ามาทำโครงการนี้
ทำให้โรงเรียนได้โปรแกรมที่ช่วยให้การจัดการข้อมูลขยะเป็นระบบยิ่งขึ้น
การทำงานของครูก็สะดวกขึ้น สามารถบันทึกข้อมูลขยะของนักเรียนได้แบบครบถ้วน
ไม่มีขาดตกบกพร่อง”
ครูจิตรอารีย์ขยายให้ฟังถึงขั้นตอนดำเนินโครงการ
ThinkCycle Bank ภายในโรงเรียนว่า
“เราเริ่มจากการประชุมครูเพื่อวางแผนดำเนินงานก่อน
ว่าจะให้นักเรียนมีส่วนร่วมยังไง และจะให้ชุมชนมีส่วนร่วมทางไหนได้บ้าง
เราเลยเริ่มโครงการนี้โดยประกาศให้นักเรียนชั้นอนุบาล 1-3 รวบรวมขยะจากที่บ้านมาขายให้คุณครูทุกวันศุกร์
ซึ่งทุกวันศุกร์ก็จะได้เห็นภาพเด็กๆ ต่อแถวเอาขยะมาชั่งกิโลขาย
เสร็จแล้วครูก็จะบันทึกข้อมูลลงในระบบเดือนละ 1 ครั้ง
และเปิดบัญชีธนาคารให้เป็นรายบุคคล เพื่อให้เด็กๆ
เห็นว่าขยะของเขาถูกเปลี่ยนเป็นเงินจริง ให้เขามีกำลังใจที่จะเอาขยะมาฝาก”
ครูจิตรอารีย์เล่าว่าขยะยอดฮิตที่เด็กๆ
มักจะหอบหิ้วมาขายที่โรงเรียน ส่วนมากจะเป็นขยะในครัวเรือน เช่น ขวดน้ำพลาสติก
ขวดแก้ว ลังกระดาษ กระดาษเอสี่ใช้แล้ว กระป๋องเครื่องดื่ม ขวดน้ำมันพืช ฯลฯ
โดยเด็กๆ จะคัดแยกจากที่บ้านมาเรียบร้อยแล้วก่อนนำมาชั่งขาย เพราะทางโรงเรียนได้ให้ความรู้ในชั้นเรียน
และประชาสัมพันธ์แก่ผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง
นอกจากขยะในครัวเรือนที่นักเรียนรวบรวมมาขายที่โรงเรียนแล้ว
ขยะจำพวกถุงนมที่นักเรียนต้องดื่มและทิ้งทุกวัน
คุณครูก็ได้นำมาพลิกแพลงดัดแปลงเป็นข้าวของตกแต่งที่ดูน่าใช้ไม่ใช่เล่น
ครูจิตรอารีย์เล่าว่าเบื้องต้นจะมีการคัดแยกหลอดและถุงนมหลังดื่มเสร็จ
เพื่อนำหลอดไปทำสิ่งประดิษฐ์ ส่วนขยะถุงนมจะให้นักเรียนช่วยกันตัด ล้างทำความสะอาด
และตากแดดให้แห้ง เพื่อนำไปทำเป็นสิ่งประดิษฐ์ เช่น ช่อดอกไม้ เข็มกลัด
พวงมาลัยรีไซเคิล หมวกถัก รวมถึงเสื้อกันเปื้อน
ครูจิตรอารีย์แอบกระซิบให้ฟังว่างานประดิษฐ์จากขยะถุงนมเหล่านี้
ทำให้เด็กๆ รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ช่วยคุณครูล้างและตัดเป็นชิ้นๆ
เพื่อนำไปแปลงร่างเป็นสิ่งประดิษฐ์สวยๆ เก็บไว้ใช้ร่วมกันในชั้นเรียน
“การทำซ้ำ ย้ำบ่อย ให้เห็นภาพจริง”
เป็นหัวใจที่ครูจิตอารีย์บอกว่านี่คือกุญแจที่จะไขไปสู่ความสำเร็จในการปลูกฝังเรื่องการคัดแยกขยะให้เด็กวัยอนุบาล
เพราะเด็กน้อยวัยนี้ต้องทำตัวอย่างให้ดูบ่อยๆ
และต้องฝึกให้ทำเป็นกิจวัตรจึงจะช่วยให้เด็กจำ
ถ้ามองในระยะยาว
นี่คือโครงการที่ช่วยบ่มเพาะมนุษย์ให้มีคุณภาพตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิต เพื่อต่อไปในวันที่เยาวชนเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
เขาจะได้เป็นข้อต่อหนึ่งในสังคมที่ช่วยรัดร้อยความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมให้อยู่คู่สังคมไปตราบนานเท่านาน
จากธนาคารขยะสู่วิสาหกิจชุมชนที่ทุกคนมีส่วนร่วม
มาถึงโรงเรียนที่สามที่ได้รับรางวัลดีเด่นด้านการจัดการขยะ
คือโรงเรียนวัดมาบชลูด ที่นี่เป็นโรงเรียนประถมศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่ 1-6 ที่ GC
นำโครงการ ThinkCycle Bank
เข้ามามาต่อยอดโครงการธนาคารขยะวิถีพอเพียงที่เคยนำร่องมาก่อน
ครูไพโรจน์ ดอนทรัพย์
คุณครูที่ปรึกษาโครงการ ThinkCycle Bank โรงเรียนวัดมาบชลูด เล่าว่าเริ่มแรกโรงเรียนได้ไปศึกษาดูงานในโรงเรียนต้นแบบจัดการขยะในจังหวัดนครปฐมเพื่อศึกษากระบวนการทำงาน
เรียนรู้ปัญหาที่โรงเรียนอื่นเจอ
และเข้าอบรมการใช้โปรแกรมจัดการขยะของมหาวิทยาลัยมหิดล
ก่อนจะเริ่มเข้าสู่การดำเนินการจริงในโครงการ ThinkCycle Bank
“บริเวณรอบๆ
โรงเรียนเรามีทั้งชุมชนและโรงงาน
ละแวกนี้จึงเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ผู้คนกระจุกตัวหนาแน่น พอคนเยอะ
ปัญหาขยะก็เยอะตามมาด้วย พอมีโครงการ ThinkCycle Bank เข้ามาก็เป็นผลดีกับโรงเรียน
เพราะจะได้เป็นการปลูกฝังให้นักเรียน คุณครู และผู้ปกครองในชุมชน รู้เรื่องการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี
เพื่อจะช่วยให้การจัดการขยะภายในโรงเรียนและรอบๆ โรงเรียนมีประสิทธิภาพ”
ครูไพโรจน์เอ่ยถึงข้อดีของโครงการก่อนจะเล่าขั้นตอนการดำเนินงานต่อๆ ไป
เนื่องจากโรงเรียนวัดมาบชลูดเป็นโรงเรียนประถมศึกษา
จึงมีเด็กนักเรียนที่โตพอรู้เรื่องการคัดแยกขยะและมีจิตอาสาช่วยคุณครูในการเป็นทีมงานช่วยชั่งขยะที่เพื่อนๆ
นำมาขายด้วย
ครูไพโรจน์เริ่มเดินหัวรถจักรโครงการนี้โดยการแจ้งให้เด็กนักเรียนทุกชั้นทราบก่อนว่ามีการนัดหมายให้นำขยะมาขายในวันใดบ้าง
เมื่อถึงวันที่ทำการรับฝาก ทีมนักเรียนจิตอาสาก็จะช่วยมาเป็นทีมงานชั่งขยะของเพื่อนๆ
ก่อนจะส่งต่อให้ผู้รับซื้อซึ่งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
“ปริมาณขยะที่นักเรียนเรานำมาฝากมีมากขึ้นทุกปี
เนื่องจากบริเวณรอบๆ ชุมชนเป็นเขตที่พักอาศัย เมื่อคนมาอยู่เยอะขึ้น
ขยะก็เยอะขึ้นด้วย โดยเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลอย่างลอยกระทง เด็กๆ จะเก็บขยะมาขายได้เยอะกว่าวันปกติ
ส่วนเด็กๆ ที่มีบ้านใกล้โรงงานก็จะเก็บขยะได้เยอะและมีขยะหลากหลายประเภท
พ่อแม่ก็จะช่วยบรรทุกมาเป็นคันรถเพื่อมาขายทีเดียว
คือส่วนมากเด็กก็จะไปบอกต่อพ่อแม่และคนในชุมชนให้ช่วยกันคัดแยกขยะ เพราะขยะมีค่า
และสามารถเอามาขายเพื่อสะสมเป็นเงินได้”
ส่วนขยะรีไซเคิลทั้งหลายที่นักเรียนรวบรวมมาฝากกับโรงเรียน
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจะเป็นผู้เข้าไปรับซื้อทุกสัปดาห์ตามที่มีการนัดหมายกัน
ซึ่งวิสาหกิจชุมชนถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในระบบจัดการขยะ
เพราะถือเป็นตัวแทนชุมชนมาบชลูดในการรวบรวมขยะ เพื่อขายต่อให้โรงงานรีไซเคิลนำกลับไปแปรรูปใหม่ส่วนบทบาทของโรงเรียนคือเป็นจุดรับขยะแรกสุดจากนักเรียนและคนในชุมชน
เพื่อส่งต่อไปสู่สายพานการรีไซเคิลขั้นต่อๆ ไป
โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้รับไม้ต่อ
ส่วนรายได้ที่กลุ่มวิสาหกิจได้รับจากการซื้อ-ขายขยะเป็นทอดๆ
ก็จะหมุนเวียนอยู่ในชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ เลี้ยงดูตัวเองได้
และเป็นชุมชนที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน
ขยะที่เคยไร้ค่าก็เปลี่ยนมาเป็นค่าขนมและทุนการศึกษาของเด็กนักเรียนในชุมชนมาบชลูดเช่นกัน
ก้าวต่อไปของการจัดการขยะในโรงเรียน
ครูไพโรจน์เล่าว่าโรงเรียนมีแผนจะทำปุ๋ยหมักจากใบไม้ที่ร่วงหล่นตามพื้นในโรงเรียน
เพราะการสุมกองไฟเผานั้นสร้างมลพิษทั้งแก่นักเรียนและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งถ้ามีองค์ความรู้เรื่องการทำปุ๋ยหมักใบไม้
นักเรียนจะได้มีความรู้เรื่องนี้และสามารถนำไปบอกต่อพ่อแม่และคนในชุมชนให้ร่วมกันทำได้
ครูไพโรจน์เสริมว่า
“ยิ่งในอนาคตจะมีการลดใช้สารเคมีในภาคเกษตร
หากนักเรียนมีความรู้เรื่องการทำปุ๋ยหมักติดตัวก็จะสามารถเป็นอาชีพหล่อเลี้ยงชีวิตในอนาคตได้”
การให้ความรู้แบบองค์รวมเรื่องการจัดการขยะจึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะนอกจากความรู้จะทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว
ยังช่วยกระตุ้นให้ชุมชนมองเห็นความสำคัญและความจำเป็นในการแยกขยะ
เพราะนอกจากชุมชนจะสะอาดสะอ้าน ปราศจากโรคจากการหมักหมมขยะแล้ว
ของไร้ค่าที่หล่นตามพื้นนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นเงินและนำมาหล่อเลี้ยงคนในชุมชนได้จริง
เมื่อทุกคนร่วมมือกันอย่างจริงจัง
สักวันหนึ่งก็จะสามารถผลักดันชุมชนไปสู่ลูปของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular
Economy) ได้จริงโดยที่ไม่มีขยะเหลือทิ้ง
เพราะคนในชุมชนช่วยกันคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลโดยมีโรงเรียนเป็นจุดแรกรับ
และปูทางไปสู่การ Upcycling ให้ขยะกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่ม
อย่างเช่นปุ๋ยชีวภาพจากใบไม้ที่โรงเรียนวัดมาบชลูดกำลังพยายามจะทำในอนาคตอันใกล้นี้
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น