ชาวบ้านคัดค้านการรื้อสำนักสงฆ์ของเจ้าของที่ดิน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 ก.ย.56 ที่สำนักสงฆ์อุทัยเมตตาธรรม ธรรมยุต ม.2 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านกว่า20คนร่วมตัวขัดขวางนายสังขะจาย ขำเขียว ผู้จัดการมรดกในที่ดินที่ก่อตั้งสำนักสงฆ์ หลังนำรถไถ่มารื้อทำลายรั่วลวดหนาม และประตูสำนักสงฆ์จนพังเสียหาย โดยนายสังขะจายอ้างว่ามีคำสั่งจากกรมบังคับคดี คดีแดงเลขที่ 579/2555 ให้นายชัยยันต์ ขำเขียว รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในโฉนดเลขที่ 71389 เลขที่ดิน 675 ก็คือที่ตั้งสำนักสงห์ในปัจจุบัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับพระสงห์ที่มาจำพนรรษาทีวัดรวม 7 รูป และชาวบ้านที่เข้ามาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว
ด้านนายเมธี จันทโรปกรณ์ อาจารย์มหาลัยแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเองมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 50 ซึ่งในแต่ละปีมีประชาชนมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวจำนวนมาก โดยเจ้าของที่เดิมนางอุทัย บัวภิรมย์ เสียชีวิต และมีเจตตาให้ที่ดังกล่าวตั้งสำนักสงฆ์ โดยมีนายชัยยันต์ ขำเขียวซึ่งเป็นลูกชายเป็นหัวเหลียวหัวแรงตั้งแต่เริ่มตน คือเมื่อก่อนเป็นป่าจนในปัจจุบันมีสภาพดี และได้เป็นตัวแทนต่อสู้กับนายสังขะจาย ขำเขียว ซึงเป็นพี่ชายมาหลายปี พอมาระยะหลัง 1-2 ปี นายชัยยันต์ได้มายืนขอเสนอให้เช่าที่เดือนละ 15,000 บาท ซึ่งทางตนและชาวบ้านเห็นว่ารายได้ทางสำนักสงฆ์ไม่มีมาก จึงปฏิเสธเกี่ยวกับการเช่าที่ ซึ่งนายชัยยันต์จึงบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว จนมีประกาศจากกรมบังคับคดีมาปิดให้รื้อถอน และวันนี้นายสังขะจายนำรถมาไถ่รั้วจนพัง ชาวบ้านจึงไม่ยอมและขัดขวาง
นอกจากนั้นนายเมธียังกล่าวเพิ่มเติมว่า พวกตนและชาวบ้านพยายามเจรจาแล้วซึ่งนายสังขะจายยืนยันว่าจะขายที่ในราคา 25 ล้านบาท ซึ่งที่สำนักสงห์ดังกล่าวมีเนื้อที่ 6 ไร่กว่า ซึ่งพวกตนและชาวบ้านก็ยืนยันไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว เพราะเจตนาที่แท้จริงของเจ้าของที่เดิมนั้นต้องการให้ก่อตั้งสำนักสงฆ์ ซึ่งตอนแรกนายชัยยันต์ก็ทำตามและเป็นตัวแทนชาวบ้านในการฟ้องร้องกับนายสังขะจาย แต่มาระยะ 1-2 ปี หลังนายชัยยันต์ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย
นอกจากนั้นชาวบ้านต่างๆไม่รู้อะไร และสร้างสำนักสงฆ์มากว่า 8 ปี มีผู้มาปฏิบัติธรรมจำนวนมาก จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนมือเข้ามาช่วยเหลือ เพราะชาวบ้านไม่อยากให้รื้อสำนักสงฆ์ ซึ่งเป็นที่พักผ่อนทางจิตใจของชาวบ้าน และพุทธสากนิชนที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 ก.ย.56 ที่สำนักสงฆ์อุทัยเมตตาธรรม ธรรมยุต ม.2 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านกว่า20คนร่วมตัวขัดขวางนายสังขะจาย ขำเขียว ผู้จัดการมรดกในที่ดินที่ก่อตั้งสำนักสงฆ์ หลังนำรถไถ่มารื้อทำลายรั่วลวดหนาม และประตูสำนักสงฆ์จนพังเสียหาย โดยนายสังขะจายอ้างว่ามีคำสั่งจากกรมบังคับคดี คดีแดงเลขที่ 579/2555 ให้นายชัยยันต์ ขำเขียว รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในโฉนดเลขที่ 71389 เลขที่ดิน 675 ก็คือที่ตั้งสำนักสงห์ในปัจจุบัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับพระสงห์ที่มาจำพนรรษาทีวัดรวม 7 รูป และชาวบ้านที่เข้ามาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว
ด้านนายเมธี จันทโรปกรณ์ อาจารย์มหาลัยแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเองมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 50 ซึ่งในแต่ละปีมีประชาชนมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวจำนวนมาก โดยเจ้าของที่เดิมนางอุทัย บัวภิรมย์ เสียชีวิต และมีเจตตาให้ที่ดังกล่าวตั้งสำนักสงฆ์ โดยมีนายชัยยันต์ ขำเขียวซึ่งเป็นลูกชายเป็นหัวเหลียวหัวแรงตั้งแต่เริ่มตน คือเมื่อก่อนเป็นป่าจนในปัจจุบันมีสภาพดี และได้เป็นตัวแทนต่อสู้กับนายสังขะจาย ขำเขียว ซึงเป็นพี่ชายมาหลายปี พอมาระยะหลัง 1-2 ปี นายชัยยันต์ได้มายืนขอเสนอให้เช่าที่เดือนละ 15,000 บาท ซึ่งทางตนและชาวบ้านเห็นว่ารายได้ทางสำนักสงฆ์ไม่มีมาก จึงปฏิเสธเกี่ยวกับการเช่าที่ ซึ่งนายชัยยันต์จึงบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว จนมีประกาศจากกรมบังคับคดีมาปิดให้รื้อถอน และวันนี้นายสังขะจายนำรถมาไถ่รั้วจนพัง ชาวบ้านจึงไม่ยอมและขัดขวาง
นอกจากนั้นนายเมธียังกล่าวเพิ่มเติมว่า พวกตนและชาวบ้านพยายามเจรจาแล้วซึ่งนายสังขะจายยืนยันว่าจะขายที่ในราคา 25 ล้านบาท ซึ่งที่สำนักสงห์ดังกล่าวมีเนื้อที่ 6 ไร่กว่า ซึ่งพวกตนและชาวบ้านก็ยืนยันไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว เพราะเจตนาที่แท้จริงของเจ้าของที่เดิมนั้นต้องการให้ก่อตั้งสำนักสงฆ์ ซึ่งตอนแรกนายชัยยันต์ก็ทำตามและเป็นตัวแทนชาวบ้านในการฟ้องร้องกับนายสังขะจาย แต่มาระยะ 1-2 ปี หลังนายชัยยันต์ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย
นอกจากนั้นชาวบ้านต่างๆไม่รู้อะไร และสร้างสำนักสงฆ์มากว่า 8 ปี มีผู้มาปฏิบัติธรรมจำนวนมาก จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนมือเข้ามาช่วยเหลือ เพราะชาวบ้านไม่อยากให้รื้อสำนักสงฆ์ ซึ่งเป็นที่พักผ่อนทางจิตใจของชาวบ้าน และพุทธสากนิชนที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว
ชาวบ้านคัดค้านการรื้อสำนักสงฆ์ของเจ้าของที่ดิน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 ก.ย.56 ที่สำนักสงฆ์อุทัยเมตตาธรรม ธรรมยุต ม.2 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านกว่า20คนร่วมตัวขัดขวางนายสังขะจาย ขำเขียว ผู้จัดการมรดกในที่ดินที่ก่อตั้งสำนักสงฆ์ หลังนำรถไถ่มารื้อทำลายรั่วลวดหนาม และประตูสำนักสงฆ์จนพังเสียหาย โดยนายสังขะจายอ้างว่ามีคำสั่งจากกรมบังคับคดี คดีแดงเลขที่ 579/2555 ให้นายชัยยันต์ ขำเขียว รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในโฉนดเลขที่ 71389 เลขที่ดิน 675 ก็คือที่ตั้งสำนักสงห์ในปัจจุบัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับพระสงห์ที่มาจำพนรรษาทีวัดรวม 7 รูป และชาวบ้านที่เข้ามาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว
ด้านนายเมธี จันทโรปกรณ์ อาจารย์มหาลัยแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเองมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 50 ซึ่งในแต่ละปีมีประชาชนมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวจำนวนมาก โดยเจ้าของที่เดิมนางอุทัย บัวภิรมย์ เสียชีวิต และมีเจตตาให้ที่ดังกล่าวตั้งสำนักสงฆ์ โดยมีนายชัยยันต์ ขำเขียวซึ่งเป็นลูกชายเป็นหัวเหลียวหัวแรงตั้งแต่เริ่มตน คือเมื่อก่อนเป็นป่าจนในปัจจุบันมีสภาพดี และได้เป็นตัวแทนต่อสู้กับนายสังขะจาย ขำเขียว ซึงเป็นพี่ชายมาหลายปี พอมาระยะหลัง 1-2 ปี นายชัยยันต์ได้มายืนขอเสนอให้เช่าที่เดือนละ 15,000 บาท ซึ่งทางตนและชาวบ้านเห็นว่ารายได้ทางสำนักสงฆ์ไม่มีมาก จึงปฏิเสธเกี่ยวกับการเช่าที่ ซึ่งนายชัยยันต์จึงบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว จนมีประกาศจากกรมบังคับคดีมาปิดให้รื้อถอน และวันนี้นายสังขะจายนำรถมาไถ่รั้วจนพัง ชาวบ้านจึงไม่ยอมและขัดขวาง
นอกจากนั้นนายเมธียังกล่าวเพิ่มเติมว่า พวกตนและชาวบ้านพยายามเจรจาแล้วซึ่งนายสังขะจายยืนยันว่าจะขายที่ในราคา 25 ล้านบาท ซึ่งที่สำนักสงห์ดังกล่าวมีเนื้อที่ 6 ไร่กว่า ซึ่งพวกตนและชาวบ้านก็ยืนยันไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว เพราะเจตนาที่แท้จริงของเจ้าของที่เดิมนั้นต้องการให้ก่อตั้งสำนักสงฆ์ ซึ่งตอนแรกนายชัยยันต์ก็ทำตามและเป็นตัวแทนชาวบ้านในการฟ้องร้องกับนายสังขะจาย แต่มาระยะ 1-2 ปี หลังนายชัยยันต์ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย
นอกจากนั้นชาวบ้านต่างๆไม่รู้อะไร และสร้างสำนักสงฆ์มากว่า 8 ปี มีผู้มาปฏิบัติธรรมจำนวนมาก จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนมือเข้ามาช่วยเหลือ เพราะชาวบ้านไม่อยากให้รื้อสำนักสงฆ์ ซึ่งเป็นที่พักผ่อนทางจิตใจของชาวบ้าน และพุทธสากนิชนที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 ก.ย.56 ที่สำนักสงฆ์อุทัยเมตตาธรรม ธรรมยุต ม.2 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านกว่า20คนร่วมตัวขัดขวางนายสังขะจาย ขำเขียว ผู้จัดการมรดกในที่ดินที่ก่อตั้งสำนักสงฆ์ หลังนำรถไถ่มารื้อทำลายรั่วลวดหนาม และประตูสำนักสงฆ์จนพังเสียหาย โดยนายสังขะจายอ้างว่ามีคำสั่งจากกรมบังคับคดี คดีแดงเลขที่ 579/2555 ให้นายชัยยันต์ ขำเขียว รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในโฉนดเลขที่ 71389 เลขที่ดิน 675 ก็คือที่ตั้งสำนักสงห์ในปัจจุบัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับพระสงห์ที่มาจำพนรรษาทีวัดรวม 7 รูป และชาวบ้านที่เข้ามาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว
ด้านนายเมธี จันทโรปกรณ์ อาจารย์มหาลัยแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเองมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 50 ซึ่งในแต่ละปีมีประชาชนมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวจำนวนมาก โดยเจ้าของที่เดิมนางอุทัย บัวภิรมย์ เสียชีวิต และมีเจตตาให้ที่ดังกล่าวตั้งสำนักสงฆ์ โดยมีนายชัยยันต์ ขำเขียวซึ่งเป็นลูกชายเป็นหัวเหลียวหัวแรงตั้งแต่เริ่มตน คือเมื่อก่อนเป็นป่าจนในปัจจุบันมีสภาพดี และได้เป็นตัวแทนต่อสู้กับนายสังขะจาย ขำเขียว ซึงเป็นพี่ชายมาหลายปี พอมาระยะหลัง 1-2 ปี นายชัยยันต์ได้มายืนขอเสนอให้เช่าที่เดือนละ 15,000 บาท ซึ่งทางตนและชาวบ้านเห็นว่ารายได้ทางสำนักสงฆ์ไม่มีมาก จึงปฏิเสธเกี่ยวกับการเช่าที่ ซึ่งนายชัยยันต์จึงบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวแล้ว จนมีประกาศจากกรมบังคับคดีมาปิดให้รื้อถอน และวันนี้นายสังขะจายนำรถมาไถ่รั้วจนพัง ชาวบ้านจึงไม่ยอมและขัดขวาง
นอกจากนั้นนายเมธียังกล่าวเพิ่มเติมว่า พวกตนและชาวบ้านพยายามเจรจาแล้วซึ่งนายสังขะจายยืนยันว่าจะขายที่ในราคา 25 ล้านบาท ซึ่งที่สำนักสงห์ดังกล่าวมีเนื้อที่ 6 ไร่กว่า ซึ่งพวกตนและชาวบ้านก็ยืนยันไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว เพราะเจตนาที่แท้จริงของเจ้าของที่เดิมนั้นต้องการให้ก่อตั้งสำนักสงฆ์ ซึ่งตอนแรกนายชัยยันต์ก็ทำตามและเป็นตัวแทนชาวบ้านในการฟ้องร้องกับนายสังขะจาย แต่มาระยะ 1-2 ปี หลังนายชัยยันต์ไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย
นอกจากนั้นชาวบ้านต่างๆไม่รู้อะไร และสร้างสำนักสงฆ์มากว่า 8 ปี มีผู้มาปฏิบัติธรรมจำนวนมาก จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนมือเข้ามาช่วยเหลือ เพราะชาวบ้านไม่อยากให้รื้อสำนักสงฆ์ ซึ่งเป็นที่พักผ่อนทางจิตใจของชาวบ้าน และพุทธสากนิชนที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น